
เป็นที่หวาดผวากันไปทั่วโลก เมื่อพบผู้ป่วยตายด้วยโรคอีโบลาซึ่งการแพร่ระบาดได้เริ่มต้นขึ้นในกินีก่อนลามไปยังไลบีเรีย เซียร์ราลีโอนและไนจีเรีย และตอนนี้ได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 1,103 ศพ รวมถึงมิเกล ปาคาเรซ บาทหลวงคริสตจักรคาทอลิกวัย 75 ปีชาวสเปน ซึ่งเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ต้องเสียชีวิตด้วยเชื้อไวรัสชนิดร้ายแรงนี้
อีโบลา หรือ โรคไวรัสอีโบลา เริ่มระบาดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1976 หรือประมาณปี พ.ศ.2519 ในเมือง Nzaraประเทศซูดาน และเมือง Yambuku สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ใกล้กับแม่น้ำ สกุลของไวรัสอีโบลา Ebolavirus นี้ เป็น 1 ใน 3 ของสกุลที่อยู่ในวงศ์ของเชื้อไวรัส มี 5 ชนิด และหนึ่งใน 5 พบในประเทศฟิลิปปินส์ กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน โดยทุกชนิดสามารถติดในมนุษย์ได้ไม่มีอาการป่วย หมายถึง แพร่ระบาดจากคนสู่คน ได้เลย ความร้ายแรงของ อีโบลา ทำให้เกิดความหวั่นวิตกไปทั่วโลกทางตะวันตกและเอเซีย ต่างเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลามากขึ้น หลังจากมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลายประเทศ เพราะโรคไวรัสอีโบลา หรือไข้เลือดออกอีโบลา เป็นโรคยังไม่มียารักษา บุคคลรับโรคนี้ครั้งแรกใกล้แม่น้ำอีโบลา เมื่อสัมผัสกับเลือดหรือสารน้ำในร่างกายจากสัตว์ที่ติดเชื้อมันอาจเป็น ลิง หรือ ค้างคาวผลไม้ โดยแพทย์เชื่อว่า ค้างคาวผลไม้เป็นตัวพาหะ และแพร่โรคโดยไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัส เมื่อติดเชื้อแล้วโรคอาจแพร่จากคนสู่คน ส่วนคนหากโชคดีอยู่ใน 10% ของการรอดชีวิตอาจสามารถส่งผ่านโรคทางเพศสัมพันธ์ได้อีกเป็นเวลาเกือบสองเดือนเพราะไวรัสยังแพร่อยู่ในอสุจิและของเหลวระบบเพศ ส่วนอาการของโรคมีความผันแปรและมักเกิดฉับพลัน อาการแรกเริ่มได้แก่ การมีไข้สูง (อย่างต่ำ 38.8°C หรือ 102°F) อาการอาจร้ายแรงขึ้น เช่น ท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระกลายเป็นสีดำ หรือแดงจัด อาเจียนเป็นโลหิต ตาแดงจัด ความดันโลหิตลดต่ำกว่า 90/60 ไต ม้าม และ ตับ ได้รับความเสียหาย อัตราการตายสูงมากถึงระหว่าง 50%-90% สาเหตุที่ตายเกิดจากขาดเลือดหรืออวัยวะไม่ทำงาน
สำหรับในประเทศไทย ยังไม่พบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาชนิดนี้ แต่ก็ไม่ควรประมาท ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศดังกล่าวข้างต้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การออกกำลังกาย ดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย ให้แข็งแรงอยู่เสมอ ทานร้อน ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาด ก่อนรับประทานอาหาร พร้อมดื่มน้ำที่สะอาด ปฎิบัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ หลีกเลี่ยงไปอยู่ในที่แออัด หากรู้สึกไม่ค่อยสบาย หรือมีอาการตัวร้อน เป็นไข้ อย่าปล่อยทิ้งไว้ รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา อย่าวินิจฉัยโรคด้วยการซื้อยารับประทานเองเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้
ที่มา http://www.prd.go.th/ewt_news.php?nid=92720&filename=index
เข้าชม : 33870
|